สุดสัปดาห์นี้เรามีคิวบุกไปยัง เดอะ วัลเลย์ เพื่อทำศึกครั้งที่ 30 ระหว่าง ชาร์ลตัน แอธเลติก และ เลสเตอร์ ซิตี้ ในศึก สกาย เบต แชมเปี้ยนชิพ คิกออฟ 18:30 น.
ก่อนศึกในสุดสัปดาห์นี้ ทีมงานได้รับความร่วมมือจาก เดฟ สมิธ ผู้เขียนร่วมของหนังสือ Of Fossils & Foxes เพื่อพาไปสำรวจสถิติที่น่าสนใจก่อนเกม รวมถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เป็นจุดเด่น ทั้งตัวเลขที่ชวนสะดุดตา และสถิติพิเศษที่ควรค่าแก่การจับตามอง
ประวัติการพบกัน
เลสเตอร์ ซิตี้ และ ชาร์ลตัน แอธเลติก เคยพบกันอย่างสม่ำเสมอในสองดิวิชั่นสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ และสร้างประวัติการเจอกันที่สูสีแต่เปี่ยมด้วยความเข้มข้น
การพบกันในลีกครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในฤดูกาล 2013/14 ศึกแชมเปี้ยนชิพ โดยที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม “จิ้งจอกสยาม” เก็บชัยชนะได้อย่างขาดลอย 3-0 จากผลงานของ เจมี่ วาร์ดี้, แดนนี่ ดริ้งค์วอเตอร์ และ เดวิด นูเจนท์ ส่วนเกมที่ เดอะ วัลเลย์ ช่วงต้นฤดูกาล ชาร์ลตัน เป็นฝ่ายเฉือนชนะไป 2-1
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นในฤดูกาล 2012/13 เลสเตอร์ต้องพ่ายให้กับชาร์ลตัน 2-1 ทั้งสองนัดในลีก แม้จะมีประตูจาก คริส วู้ด และ แอนดี้ คิง ก็ตาม ขณะที่ในเดือนธันวาคม ปี 2007 ทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 โดย สตีเฟ่น คลีเมนซ์ ยิงประตูตีเสมอให้กับเลสเตอร์
สำหรับการแข่งขันบอลถ้วย เลสเตอร์มีผลงานที่น่าจดจำเช่นกัน โดยในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 5 ปี 2005 นิคอส ดาบิซาส และ ดิออน ดับลิน ยิงคนละหนึ่งประตู ช่วยทีมบุกชนะที่ เดอะ วัลเลย์ 2-1 ขณะที่ในศึกลีก คัพ ปี 1998 โทนี่ ค็อตตี้ ยิงสองประตูพาทีมเอาชนะด้วยสกอร์เดียวกัน
ช่วงเวลาที่น่าจดจำ
ตลอดการพบกันของทั้งสองสโมสร มีสถิติที่น่าสนใจเกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง แม้จะเจอกันหลายหน แต่ยังไม่เคยมีผู้เล่นคนใดทำแฮตทริกได้สำเร็จ โดยที่การยิงสองประตูของ โทนี่ ค็อตตี้ ในปี 1998 ยังคงเป็นหนึ่งในผลงานที่แฟน ๆ จดจำได้
ดราม่าจุดโทษก็เป็นอีกหนึ่งสีสันในการเจอกันครั้งอดีต โดยผู้เล่นเลสเตอร์คนสุดท้ายที่ยิงจุดโทษใส่ชาร์ลตันได้คือ สตีฟ ลิเน็กซ์ ในปี 1981 ขณะที่ เปาโล ดิ คานิโอ เคยสังหารให้ “ดิ แอดดิกส์” ในปี 2004 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เลสเตอร์ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก นอกจากนี้ยังเคยมีการทำเข้าประตูตัวเองเกิดขึ้นเช่นกัน อาทิ โทนี่ ไบรอัน ในปี 1987 และ พอล มอร์ทิเมอร์ ในปี 1991
นอกเหนือจากนั้น เกมระหว่างสองทีมยังมีทั้งการประเดิมสนามและการถูกไล่ออกเป็นจังหวะสำคัญในประวัติศาสตร์การเจอกัน เช่น แมตต์ ฮีธ ลงสนามนัดแรกให้เลสเตอร์ที่ เดอะ วัลเลย์ ในปี 2001 ขณะที่ แม็ตตี้ เจมส์ ถูกใบแดงไล่ออกในปี 2013 ส่วนฝั่งชาร์ลตัน สตีฟ บราวน์ คือผู้เล่นรายล่าสุดที่ถูกไล่ออกในเกมพบเลสเตอร์ เมื่อปี 2001
ผู้เล่นที่ผ่านการเล่นกับทั้งสองทีม และ ดาวซัลโว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เลสเตอร์ ซิตี้ และ ชาร์ลตัน แอธเลติก มีความเชื่อมโยงกันอยู่ไม่น้อย ผู้รักษาประตู เบน ฮาเมอร์ ย้ายจากชาร์ลตันมาร่วมทัพเลสเตอร์ในปี 2014 ขณะที่ ไซมอน รอยซ์ เคยย้ายไปในทิศทางตรงกันข้ามเมื่อปี 2003
รายชื่อผู้เล่นที่เคยผ่านการค้าแข้งให้กับทั้งสองสโมสรยังมีอีกหลายราย ไม่ว่าจะเป็น คริส พาวเวลล์, ยานน์ แกร์กม็อร์กก็องต์, ไมเคิ่ล มอร์ริสัน, พอล คอนเชสกี้, มาร์ติน แว็กฮอร์น, อเดโมล่า ลุคแมน และ สเตฟี่ มาวิดิดี้
สิ่งที่น่าจดจำคือ แกร์กม็อร์กก็องต์ สามารถทำประตูให้ชาร์ลตันได้ในสามนัดแรกที่ลงสนามพบกับเลสเตอร์ หลังย้ายออกจาก คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ขณะที่ เลน โกลเวอร์, พอล เวนต์ และ พอล มอร์ทิเมอร์ คือหนึ่งในไม่กี่ผู้เล่นที่เคยทำประตูได้ให้กับทั้งสองทีม โดยมอร์ทิเมอร์เคยทำได้ภายในแมตช์เดียวกันจากการยิงประตูและการทำเข้าประตูตัวเอง
สำหรับดาวซัลโวสูงสุดในการพบกันครั้งอดีตนั้น คีธ พีค็อก ครองสถิติยิงให้ชาร์ลตันได้มากที่สุดที่ 5 ประตู ส่วนฝั่งเลสเตอร์ โรดนีย์ เฟิร์น และ อลัน ยัง ต่างทำได้ 3 ประตูเท่ากันในการเจอกับชาร์ลตัน
